เปิดประตูแอนฟิลด์: สดุดี ‘ราชันชุดขาว’ เจอเมื่อไหร่จบเมื่อนั้น
เส้นทางยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ของ ลิเวอร์พูล ในยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์ 6 ฤดูกาล ไปไม่ถึงฝั่งฝันเพราะ เรอัล มาดริด ถึง 4 ครั้ง
ถ้วยใบใหญ่ของยุโรป นับเป็นการเปิดศักราชคว้าแชมป์ของกุนซือชาวเยอรมัน เมื่อปี 2019 โดยเส้นทางในปีนั้นไม่ต้องโคจรมาพบกับทีมเจ้ายุโรป
นอกจากนั้นฟ้าก็ลิขิตให้ ลิเวอร์พูล ต้องเจอ เรอัล มาดริด เป็นประจำ และเป็นฝ่ายปราชัยในทุกครั้ง ปี 2018 แพ้รอบชิงชนะเลิศ 3-1, ปี 2021 แพ้รอบ 8 ทีมสุดท้าย 3-1, ปี 2022 แพ้รอบชิงอีกครั้ง 1-0 และล่าสุดแพ้รอบ 16 ทีมสุดท้าย 6-2
โดยการพ่ายแพ้ครั้งนี้ ส่วนหนึ่งต้องโทษตัวเองที่เกมแรกนำไปได้ก่อนสองประตูแล้วแท้ๆ แต่กลับรนรานจนแพ้คาบ้าน 2-5
ลิเวอร์พูล อาจเคยสร้างปาฏิหารย์จากการโดนนำ 3 ลูกมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการพลิกเอาชนะ เอซี มิลาน ที่อิสตันบูลปี 2005 หรือ สั่งสอน บาร์เซโลน่า ให้รู้ว่า ‘ที่นี่แอนฟิลด์’ กับ 4 ประตูเน้นๆ ในปี 2019 และเข้าไปคว้าแชมป์ แต่สองครั้งที่ว่ามานั้นไม่ได้เกิดขึ้นในถิ่นของคู่แข่ง
พูดกันตามตรง คงไม่มี ‘เดอะ ค็อป’ คนไหนมั่นใจว่าทีมรักจะบ้าดีเดือดขนาดจะมายิง ทีมที่ตัวเองแพ้ทางสุดๆในบ้านของเขา 4 ประตู เพื่อผ่านเข้ารอบต่อไป
แต่เมื่อ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซืออันเป็นที่รักของพวกเราบอกเองว่า “ต่อให้จะมีโอกาสแค่ 1% ผมก็อยากจะลองดู” แล้วทำไมแฟนบอลอย่างเราจะต้องถอดใจ
อย่างไรก็ตามเมื่อเกมเริ่มขึ้น ผมก็ได้เห็นภาพเดิมซ้ำๆ ตอกย้ำว่า แดนกลางของ ลิเวอร์พูล เป็นรอง เรอัล มาดริด ขนาดไหน เราได้เห็น ลูก้า โมดริช และ โทนี่ โครส ที่อายุรวมกันเยอะกว่าคุณยายข้างบ้าน ต่อบอลกันเนียนตา ส่วน คาริม เบนเซม่า ที่เล่นได้สมกับรางวัลบัลลงดอร์ เจอกันในครั้งนี้ 2 นัด พี่แก่เล่นซัดไป 3 ประตู
เหนือสิ่งอื่นใด หลังจากจบเกม เจ้าบ้าน ได้เปิดเพลง ‘You’ll Never Walk Alone’ เพลงประจำสโมสร ลิเวอร์พูล ในสนาม ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว ซึ่งสำหรับผมเองในฐานะแฟนบอล ‘หงส์แดง’ นี่คือการให้เกียรติผู้แพ้อย่างสูงสุด
สุดท้ายนี้ผมก็คงต้องขอแสดงความเคารพ และสดุดีแด่ เรอัล มาดริด ว่านี่คือเจ้าแห่งฟุตบอลยุโรปโดยแท้จริง และถ้าต้องเจอกันอีก ก็หวังว่าจะเป็นวันของ ลิเวอร์พูล สักที แต่ถ้าเลือกได้ ผมไม่ขอเจอดีกว่าครับ.
เขียนโดย The Lite Team.